เพื่อให้การจัดการศึกษาสําหรับระดับปริญญาตรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจ ตามความในมาตรา 34(2) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 สภามหาวิทยาลัยเวสเทิร์นในการประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 จึงมีมติให้ตร" ข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ว่าด้วย ระบบการศึกษาสําหรับระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2561"
ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไป
ข้อ 3 ภายใต้ช้อบังคับนี้ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคําสั่งต่างๆ ที่ว่าด้วย ระบบการศึกษาสําหรับ ระดับปริญญาตรี ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในข้อบังคับนี้หวียซึ่งขัดแย้งกับข้อบังคับ ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ 4 ในข้อบังต้นนี้
“สภามหาวิทยาสัย” หมายถึง สภามหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
“มหาวิทยาลัย หมายถึง มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
"อธิการบดี" หมายถึง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
"คณบดี" หมายถึง คณบดีของคณะวิชาที่นิสิตศึกษาในมหาวิทยาลัย
"นิสิต" หมายถึง นิสิตมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นระด์บปริญญาตรีและให้หมายรวมถึง นิสิตนักศึกษาจากสถาบันอื่นที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาของมหาวิทยาลัย เวสเทิร์น
"อาจารย์" หมายถึง ผู้ที่ดํารงตําแหน่งอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย ปฏิบัติงานเต็มเวลา
“อาจารย์ประจําหลักสูตร” หมายถึง อาจารย์ประจําที่มีคุณสมบัติตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชา ของหลักสูตรที่เปิดสอน ซึ่งมีหน้าที่สอนและต้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาดังกล่าวของมหาวิทยาลัย
“อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร” หมายถึง อาจารย์ประจําหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่มี ภาระหน้าที่ในการบริหารและพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน ตั้งแต่วางแผน การควบคุมคุณภาพ การติดตาม ประเมินผล และการพัฒนาหลักสูตร
“อาจารย์พิเศษ” หมายถึง ผู้สอนที่ไม่ใช่อาจารย์ประจําของมหาวิทยาลัย
"อาจารย์ที่ปรษา” หมายถึง อาจารย์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาแก่นิสิต
ข้อ 5 ให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ และให้มีอํานาจอกกระเบียบ คําสั่ง หรือประกาศ เพื่อ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ ในกรณีที่จะต้องมีการดําเนินการใดๆ ที่มิได้กําหนดไว้ในข้อบังคับนี้ หรือในกรเนีที่มีความจําเป็นอย่างยิ่ง ต้องผ่อนผันข้อกาหนดตามข้อบังคับนี้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย ให้อธิการบดีมีอํานาจตีความ วินิจนัย สั่งการและปฏิบัติตามที่เห็นสมควร และให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 6 ระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยมี 2 รูปแบบ คือ
6.1 แบบในชั้นเรียน
6.2 แบบทางไกลทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อ ซึ่งเป็นการจัดการศึกษา โดยใช้การสอนทางไกลผ่าน ระบบการสื่อสาร หรือเครือชายสารสนเทศต่างๆ หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่กําหนด
ข้อ 7 ระบบการจัดการศึกษาและระยะเวลาการศึกษา
7.1 มหาวิทยาลัย จัดระบบการจัดการศึกษาแบบระบบทวิภาค โดยกําหนดให้หนึ่งปีการศึกษา แบ่ง ออกเป็น 2 กายการศึกษาปกติ และหนึ่งภาคการศึกษาปกติ มีระยะเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 15 สัปดาห์ กรณีที่มีการ จัดการศึกษาในภาคฤดูร้อน กําหนดให้ระยะเวลาและจํานวนหน่วยกิตมีสัดส่วนเทียบเคียงได้กับรา"เตการศึกษาปกติ
7.2 ระบบหน่วยกิตและการคิดหน่วยกิต - หน่วยกิต หมายถึง หน่วยที่ใช้แสดงปริมาณการศึกษา ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังนี้
7.21 รายวิชาทฤษฎี ที่ใช้การบรรยายหรือการอภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมงต่อภาค การศึกษาปกติ หรือไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบทวิภาค
7.2.2 รายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้การฝึกหรอทดลองในห้องปฏิบัติการหรือห้องทดลอง ไม่น้อย กว่า 500 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ หรือไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้มีย่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต ระบบทวิภาค
7.2.3 รายวิชาฝึกงาน ฝึกภาคสนาม ฝึกปฏิบัติในแนฝั่งฝึกปฏิบัติ ฝึกงานอาชีพ หรือ สหกิจศึกษาไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ หรือไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยก็ต ระบบทวิภาค
7.2.4 รายวิชาที่ใช้การทําโครงงาน หรือกิจกรรมการเรียนอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมายนั้นๆ ไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ หรือไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ให้มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิตระบบ ทวิภาค
7.3 กรณีที่มีการจัดการศึกษาในลักษณะเป็นชุดวิชา (Modulic) หรือที่ละรายวิชา หรือในลักษณะอื่น กําหนดให้มีระยะเวลาการศึกษามีสัดส่วนเทียบเคียงได้กับการศึกษาภาคการศึกษาปกติในระบบทวิภาค
7.4 หน่วยกิตเรียน หมายถึง จํานวนหน่วยกิตที่นิสิตลงทะเบียนเรียน
7.5 หน่วยกีตคํานวณรายภาค หมายถึง จํานวนหน่วยกิตทั้งหมดของทุกรายวิชาที่นิสิตได้รับเกรด A B+, B, C+, C, D+, 2 หรือ " ในภาคการศึกษานั้น
7.6 หน่วยกิตตํานวณสะสม หมายถึง จํานวนหน่วยกิตทั้งหมดของทุกรายวิชาทุกภาคการศึกษาที่ นิสิตได้รับเกรด A, B+, B, C+, C, D, D หรือ F
7.7 หน่วยกิตที่สอบได้ หมายถึง จํานวนหน่วยกิตรายวิชาที่นิสิตสอบได้รับ A, B4, B, C+, C, D, D, FS, E หรือ G ในกรณีที่ฉลิตสอนได้รายวิชาใหมาะกว่าหนึ่งครั้ง หรือสอบได้รายวิชาใดที่ระบุไว้ว่าเทียบเท่ารายวิชาที่ สอบได้มาแล้วให้นับจํานวนหน่วยกิตสอบได้เพียงครั้งเดียว
7.8 กรณีที่ลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือเรียนเน้นในรายวิชาใด เมื่อได้รับเกรดหรียค่าระดับคะแนนใหม่ ให้ นําเกรดหรือค่าระดับคะแนนใหม่มาคํานวนในรายวิชานั้น โดยไม่นําเทรดหรือค่าระดับคะแนนเติมมาคํานวณในค่า ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade-Point Average: CGPA) ทั้งนี้ให้นับจํานวนหน่วยกิตสอบได้เพียงครั้งเดียว
ข้อ8 จํานวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรและระยะเวลาในการศึกษา
8.1 หลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษา ให้มีจํานวนหน่วยกิตรวมตลบิดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 180 หน่วยกิตและนิสิตต้องลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า ไม่น้อยกว่า 10 ภาคการศึกษาปกติหรือ 5 ปี การศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 24 ภาคการศึกษาปกติ หรือ 12 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกใน หลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ
8.2 หลักสูตร 5 ปีการศึกษา ให้มีจํานวนหน่วยตรวมตกลตหลักสูตรไม่น้อยกว่า 150 หน่วยกิต และนิสิตต้องลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 8 ภาติการศึกษาปกติหรือ 4 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่ เกิน 20 ภาคการศึกษาปกติหรื่อ 10 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตาม มาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ
8.3 หลักสูตร 1 ปีการศึกษา ให้มีจํานวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 120 หน่วยกิต และนิสิตต้องลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 6 ภาคการศึกษาปกติหรือ 3 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษา ไม่เกิน 16 ภาคการศึกษาปกติหรือ 8 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลังสูตรนี้ หรือเป็นไปตาม มาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ
ข้อ 9 ประเภทและโครงสร้างของหลักสูตร
9.1 หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาการ เป็นหลักสูตรปริญญาตรีที่เน้นให้มีความรู้ ทักษะทางวิชาการ และสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะประกอบด้วยโครงสร้างหลักสูตร ดังนี้
9.1.1 หมวดศึกษาทั่วไป มีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
9.1.2 หมวดวิชาเฉพาะในระดับปริญญาตรี ต้องมีจํานวน หน่วยกิตดังนี้
(1) หลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 103 หน่วยกิต
(2) หลักสูตร 5 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 90 หน่วยกิต
(3) หลักสูตj 4 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต
อนึ่ง อาจจัดการศึกษาในหมวดวิชาเฉพาะในลักษณะวิชาเอกเดียว วิชาเอกคู่ หรือ วิชาเอกและวิชาโท โดยจํานวนหน่วยกิตของวิชาเอาต้องมีไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต และจํานวนหน่วยกิตวิชาโทต้องมี ไม่น้อยกว่า 15 หน่วยกิต ในกรณีที่เป็นวิชาเอกคู่ต้องเพิ่มจํานวนหน่วยกิตซองวิชาเอกอีกไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต ดังนั้นวิชาเอกคู่ต้องมีจํานวน หน่วยกิตของวิชาเอกรวมไม่น้อยกว่า 60 หน่วยกิต ทั้งนี้จํานวนหน่วยกิตรวมตลอด หลักสูตรต้องไม่น้อยกว่า 150 หน่วยกิต
9.1.3 หมวดวิชาเลือกเสรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต
9.2 หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาการ เป็นหลักสูตรปริญญาตรีที่เน้นให้มีความรู้ความสามารถ ระดับสูง โดยกําหนดให้ผู้เรียนได้ศึกษาบางรายวิชาในระดับบัณฑิตศึกษาที่เปิดสอนอยู่ และสนับสนุนให้ได้ทําวิจัยทาง วิชาการ ซึ่งจะประกอบด้วยโครงสร้างหลักสูตร ดังนี้
9.2.1 หมวดศึกษาทั่วไป มีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 50 หน่วยกิต 9.2.2 หมวดวิชาเฉพาะในระดับปริญญาตรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ดังนี้
(1) หลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 108 หน่วยกิต
(2) หลักสูตร 5 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 90 หน่วยกิต
(3) หลักสูตร 4 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต9.2.3 หมวดวิชาเฉพาะในระดับบัณฑิตศึกษาต้องมีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต9.2.4 หมวดวิชาเลือกเสรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต
9.3 หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ เป็นหลักสูตรปริญญาตรีที่มีความรอบรู้ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ เน้นให้มีความรู้ สมรรถนะ และทักษะทางวิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพ หรือมีสมรรถนะและทักษะด้าน การปฏิบัติเชิงเทคนิคของศาสตร์ในสาขาวิชานั้นๆ โดยผ่านการฝึกงานในสถานประกอบการหรือสหกิจศึกษา ซึ่งจะ ประชาชบด้วยโครงสร้างหลักสูตร ดังนี้
9.3.1 หมวดศึกษาทั่วไป มีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
9.3.2 หมวดวิชาเฉพาะในระดับปริญญาตรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ดังนี้
(1) หลักสูตรไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 108 หน่วยกิต
(2) หลักสูตร 5 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 90 หน่วยกิต
(3) หลักสูตร 4 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต
อนึ่ง อาจจัดการศึกษาในหมวดวิชาเฉพาะในลักษณะวิชาเอกเดี่ยว วิชาเอกคู่ หรีย วิชาเอาและวิชาโท โดยจํานวนหน่วยกิตของวิชาเอกต้องมีไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต และจํานวนหน่วยกิตวิชาโทต้องมี ไม่น้อยกว่า 15 หน่วยกิต ในกรณีที่เป็นวิชาเอกคู่ต้องเพิ่มจํานวนหน่วยกิตของวิชาเอกอีกไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต ดังนั้นวิชาเอกคู่ ต้องมีจํานวนหน่วยกิตของวิชาเทกรวมไม่น้อยกว่า 60 หน่วยกิต ทั้งนี้จํานวนหน่วยกิตรวมตลอด หลักสูตรต้ยงไม่นยยกว่า 150 หน่วยกิต
9.3.3 หมวดวิชาเลือกเสรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต
หลักสูตรขารจัยเป็นหลักสูตรต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเพิ่มเติมความรู้และทักษะการปฏิบัติงานขั้น สูงแก่ผู้ที่มีทักษะการปฏิบัติการอยู่แล้ว
9.4 หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ เป็นหลักสูตรปริญญาตรีสําหรับผู้เรียนที่ มีความความสามารถพิเศษ เน้นให้มีความรู้และสมรรถนะทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการขั้นสูงโดยใช้หลักสูตรที่เปิดสอน อยู่แล้วให้รองรับศักยภาพของผู้เรียน โดยกําหนดให้ผู้เรียนได้ศึกษาบางรายวิชาในระดับบัณฑิตศึกษาที่เปิดสอนอยู่ และสนับสนุนให้ได้ทําวิจัยหรือการฝึกปฏิบัติขั้นสูงในหน่วยงน องค์กร หรือสถานประกอบการ ซึ่งจะประกอบด้วย โครงสร้างหลักสูตร ดังนี้
9.4.1 หมวดศึกษาทั่วไป มีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต
9.4.2 หมวดวิชาเฉพาะในระดับปริญญาตรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ดังนี้
(1) หลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 108 หน่วยก็ต
(2) หลักสูตร 5 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 90 หน่วยกิต
(3) หลักสูตร 4 ปีการศึกษาไม่น้อยกว่า 72 หน่วยกิต
9.4.3 หมวดวิชาเฉพาะในระดับบัณฑิตศึกษาต้องมีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต
9.4.4 หมวดวิชาเลือกเสรี ต้องมีจํานวนหน่วยกิต ไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต
ข้อ 10 จํานวน คุณวุฒิ และคุณสมบัติของอาจารย์
10.1 หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาการ
10.1.1 อาจารย์ประจําหลักสูตร มีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่ง ทางวิชาการไม่ต่ํากว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ และมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา ซึ่งได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคลดํารงตําแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 1 เรื่องในรอบ 5 ปีย้อนหลัง
10.1.2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร มีจํานวนไม่น้อยกว่า 5 คน โดยมีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่า ปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งทางวิชาการไม่ต่ํากว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ และมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา ซึ่งได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคล ตํารงตําแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 1 เรื่องในรอบ 5 ปีย้อนหลัง
กรณีที่มีการจัดการศึกษาวิชาเอกมากกว่า 1 สาขาวิชา ต้องมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบ หลักสูตรที่มีคุณวุฒิและคุณสมบัติตรงหรือสัมพันธ์กับสายาวิชาที่เปิดสอนไม่น้อยกว่าริชาเอกละ 3 คน
10.1.3 อาจารย์ผู้สอน อาจเป็นอาจารย์ประจําหรืออาจารย์พิเศษ โดยมีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่า ปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งทางวิชาการไม่ต่ํากว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่ สัมพันธ์กัน หรือในสาชาวิชาของรายวิชาที่สอน กรณีที่อาจารย์ประจํามีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และทําหน้าที่สอนก่คนที่เกณฑ์ มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2558 จะประกาศใช้ ให้สามารถทําหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนต่อไปได้ กรณีที่เป็นอาจารย์พิเศษมีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ต้องมีประสบการณ์การ ทํางานที่เกี่ยวข้องกับการสอนในสาขาวิชานั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี และมีชั่วโมงสอนได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของจํานวน ชั่วโมงสอนในรายวิชานั้นๆ
10.2 หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ และหลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง)
10.2.1 อาจารย์ประจําหลักสูตร มีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่ง ทางวิชาการไม่ต่ํากว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา ซึ่งได้รับ การเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคลดํารงตําแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 1 เรื่องใน รอบ 5 ปีย้อนหลัง
กรณีที่เป็นหลักสูตรเน้นทักษะด้านวิชาชีพต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพนั้นๆ
กรณีที่ร่วมผลิตกับหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่า ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานในหน่วยงานแห่งนั้นไม่น้อยกว่า 6 ปี
10.2.2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร มีจํานวนไม่น้อยกว่า 5 คน โดยมีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่า ปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งทางวิชาการไม่ต่ํากว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ และมีผลง"เมทางวิชาการที่ไม่ใช่ ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา ซึ่งได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคล ดํารงตําแหน่งทางวิชาการอย่างน้อย 1 เรื่องในรอบ 5 ปีย้อนหลัง
กรณีที่เป็นหลักสูตรเน้นทักษะด้านการปฏิบัติเชิงเทคนิคในศาสตร์สาขาวิชานั้นๆ ต้องมี อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรอย่างน้อย 2 ใน 5 คนที่มีประสบการอนในด้านปฏิบัติกร ซึ่งอาจเป็นอาจารย์ประจําวหรือ เป็นบุคลากรที่มาจากหน่วยงานนั้นโดยมีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานใน หน่วยงานแห่งนั้นไม่น้อยกว่า 6 ปี
กรณีที่มีการจัดการศึกษาวิชาเอกมากกว่า 1 สาขาวิชา ต้องมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบ หลักสูตรที่มีคุณวุฒิและคุณสมบัติตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาที่เปิดสอนไม่น้อยกว่าวิชาเอกละ 5 คน และหากเป็น หลักสูตรที่เน้นทักษะด้านการปฏิบัติเชิงเทคนิคในศาสตร์สาขาวิชานั้นๆ ต้องมีสัดส่วนอาจารย์ที่มีประสบการณ์ด้าน ปฏิบัติการ 1 ใน 3 คน
10.2.3 อาจารย์ผู้สอน อาจเป็นอาจารย์ประจําหรืออาจารย์พิเศษ โดยมีคุณวุฒิไม่ต่ํากว่า ปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งทางวิชาการไม่ต่ํากว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่ สัมพันธ์กัน หรือในสาขาวิชาของรายวิชาที่สอน
กรณีที่อาจารย์ประจํามีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และทําหน้าที่สอนก่อนที่เกณฑ์ มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2558 จะประกาศใช้ ให้สามารถทําหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนต่อไปได้
กรณีที่เป็นบารย์พิเศษมีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ศักงมีประสบการณ์การ ทํางานที่เกี่ยวซ้องกับการสอนในสาขาวิชานั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี และมีชั่วโมงสอนได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของจํานวน ชั่วโมงสอนในรายวิชานั้นๆ
กรณีที่เป็นหลักสูตรเน้นทักษะด้านวิชาชีพต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพนั้นๆ
ข้อ 11 การรับสมัครเข้าเป็นนิสิต
11.1 คุณสมบัติของผู้สมัครเข้าเป็นนิสิต
ต้องสําเร็จการศึกษาไม่ต่ํากว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า และคุณสมบัติอื่นตามที่ มหาวิทยาลัยกําหนดในหลักสูตร หรือ
กรณีที่เป็นหลักสูตรแบบก้าวหน้าทั้งทางวิชาชีพ และทางวิชาชีพหรือทางปฏิบัติการ ต้องสําเร็จ การศึกษาไม่ต่ํากว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า โดยมีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade-Paint Average : CGPA) ต้องไม่ต่ํากว่า 3.50 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า และมีคุณสมบัติอื่นตามที่ มหาวิทยาลัยกําหนดในหลักสูตร อนึ่ง ระหว่างการศึกษาในหลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้า ต้องมีผลการเรียนที่มี ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม {Cumulative Grade-Point Average : CGPA) 3.50 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือ เทียบเท่า หากมีผลการเรียนในภาคการศึกษาใดภาคการศึกษาหนึ่งมีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative GradePont Average : CGPA 5.50 จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า ให้ถือว่าขายคุณสมบัติในการศึกษาหลักสูตร แบบก้าวหน้า
11.2 การคัดเลือกผู้สมัครเข้าศึกษาเป็นนิสิตให้เป็นตามที่มหาวิทยาลัยกําหนด
11.3 มหาวิทยาพยอาจพิจารณาอนุมัติให้รับนิสิตหรือนักศึกษาจากสาขาวิชาขึ้นในมหาวิทยาลัยหรือ จากสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ เข้าเป็นนิสิต
ข้อ 12 การขึ้นทะเบียนเป็นนิสิต
12.1 ผู้สมัครเข้าเป็นนิสิตที่ผ่านการคัดเลือกแล้วจะมีส"พเป็นนิมิตก็ต่อเมื่อได้ขึ้นทะเบียนเป็นนิสิต
แล้ว
12.2 ผู้สมัครเข้าเป็นนิสิตที่ผ่านการคัดเลือกแล้วจะต้องขึ้นทะเบียนเป็นนิสิต พร้อมทั้งชําระเงินตาม ระเบียบหรือประกาศของมหาวิทยาลัย
12.3 ผู้สมัครเข้าเป็นนิสิตที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าเป็นนิสิตในหลักสูตรสาขาวิชาใด ต้องขึ้นทะเบียน เป็นนิสิตสาขาวิชานั้น ทั้งนี้หากนิสิตจะโอนย้ายสาขาวิชาหรือเปลี่ยนวิชาเอกในภายหลังจะต้องได้รับการยนุมัติจาก มหาวิทยาลัย
ข้อ 13 การเทียบโอนรายวิชาหรือโอนหน่วยกิต
13.1 กเรเทียบโอนรายวิชาหรือโอนหน่วยกิตภายในมหาวิทยาลัย
13.1.1 คุณสมบัติของนิสิตที่ขอเทียบโอนภายในมหาวิทยาลัยได้ คือ นิสิตที่ต้องการย้าย ส"เขาวิชา นิสิตที่ได้รับอนุมัติให้คืนสภาพนิสิต และนิสิตที่เป็นผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาอื่นของมหาวิทยาลัย
13.1.2 หลักเกณฑ์การขอเทียบโอนมายในมหาวิทยาลัยคือ
(1) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาในหลักสูตรที่เคยศึกษาในมหาวิทยาลัย
(2) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่บรรจุในหลักสูตรของคณะวิชาหรือสาขาวิชาที่ขอ เทียบโอน
(3) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่มีเนื้อหาสาระครอบคลุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของ รายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่ขอเทียบโอน
(4) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่สอบได้ไม่ต่ํากว่าเกรด C หนียค่าระดับคะแนน 2.00 จากระบบ 4 ระดับคะแนน หรือเทียบเท่า
(5) จานวนหน่วยกีตของรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่ชอเทียนโอนจะต้องรวมกันแล้ว ไม่เกินสามในสี่ของจํานวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรที่รับโอน
(6) การเทียบโอนในหลักสูตรโดหลักสูตรหนึ่ง จะต้องไม่เกินชั้นและภาคการศึกษาที่ มีนิสตศึกษาอยู่
(7) ให้นิสิตยื่นคําร้องขอเทียบโอนรายวิชาและหรือหน่วยกิต ต่อสํานักวิชาการให้ เสร็จสิ้นภายใน 1 ภาคการศึกษานับจากการลงทะเบียนเรียนครั้งแรก
13.1.3 กรณีที่นิสิตได้ศึกษารายวิชาใดๆ ในสาขาวิชาเดียวกันมาแล้ว ให้ใช้ผลการเรียนรู้ตาม ระดับขั้นคะแนนเติมที่ได้รับ
13.2 การเทียบโอนรายวิชาหรือโอนหน่วยกิตจากสถาบันอื่น
13.2.1 คุณสมบัติของผู้ที่ชอเทียบโอนจากสถาบันอื่น คือ
(1) ต้องมีคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าศึกษาตามประกาศของมหาวิทยาลัย
(2) ต้องผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามประกาศของ มหาวิทยาลัย
(3) ต้องเป็นหรือเคยเป็นนิสิตของสถาบัน การศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าใน หลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอํานาจตามกฎหมายรับรอง
(4) ไม่เป็นผู้ถูกกดขี่ยออกหรือถูกไล่ออกหรือให้พ้นสภาพนิสิต ด้วยเหตุถูกลงโทษ ทางวินัยจากสถาบันอุดมศึกษาใดมาก่อน
13.2.2 หลักเกณฑ์การขอเทียบโอนจากสถาบันอื่น คือ
(1) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าที่ กระทรวงศึกษาธิการ หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอํานาจตามกฎหมายรับรอง
(2) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่บรรจุในหลักสูตรของคณะวิชาหรือสาขาวิชาที่ขอ เทียบโอน
(3) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่มีเนื้อหาสาระครอบคลุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของ รายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่ขอเทียนโอน
(4) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิช"เที่สยบได้ไม่ต่ํากว่าเกรด C หรือค่าระดับคะแนน 2.00 จากระบน 4 ระดับคะแนน หรือเทียบเท่า หรือเป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย
(5) จํานวนหน่วยกิตของรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาที่ขอเทียบโอนนับรวมกันแล้วไม่ เป็นสามในสี่ของจํานวนหน่วยกิต รวมตลอดหลักสูตรที่รับโยน
(6) นิสิตจะต้องลงทะเบียนเรียนและมีผลการศึงยาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจํานวน หน่วยกิต รวมทั้งหมดของหลักสูตร จึงจะมีสิทธิ์สําเร็จการศึกษา แต่ไม่มีสิทธิได้รับปริญญาเวียรตินิยม
(7) การเทียบโอนในหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง จะต้องไม่เกินชั้นปีและภาคการศึกษาที่ มีนิสตศึกษาอยู่หรือได้รับความเห็นชญบจากสภามหาวิทยาลัย
(8) นิสิตที่ได้รับการเทียบโอนรายวิชาหรีกโอนหน่วยกิตจากสถเป็นอื่น จะต้องใช้ เวลาศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยอย่างน้อยหนึ่งปีการศึกษา หรื้อ 2 ภาคการศึกษาปกติ
(9) ให้นิสิพยื่นคําร้องขอเทียบโอนรายวิชาและหรือหน่วยกิต ต่อสํานักวิชาการให้ เสร็จสิ้นภายใน 1 ภาคการศึกษานับจากการลงทะเบียนเรียนครั้งแรก ทั้งนี้ต้องเป็นผลการศึกษาที่ได้รับก่อนการขึ้น ทะเบียนเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย
กรณีที่นิสิตสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมาแล้ว และประสงค์ที่จะศึกษา ปริญญาตรีที่สอง ให้ยกเว้นรายวิชาในหมวดศึกษาทั่วไปจํานวน 30 หน่วยกิต
13.3 การเทียบโอนความรู้และการให้หน่วยกิตจากการศึกษานอกระบบและหรือการศึกษาตาม อับยาศัยเข้าสู่การศึกษาในระบบ
13.3.1 คุณสมบัติของผู้ที่ขอเทียบโอนความรู้และการให้หน่วยกิต ให้เป็นไปตามระเบียบและ ประกาศของมหาวิทยาลัย
13.3.2 หลักเกณฑ์การขอเทียบโอนความรู้และการให้หน่วยกิต คือ
(1) การเทียบโอนความรู้จะเทียบเป็นรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาตามหลักสูตรที่ผู้ขอ เทียบโอนต้องการ
(2) วิธีการประเงินเพื่อการเทียบโยนประสบการณ์และความรู้ในแต่ละรายวิชาหรือ กลุ่มรายวิชาและเกณฑ์การตัดสินของการประเมินให้เป็นไปตามระเบียบและประกาศของมหาวิทยาลัย โดยความ เห็นชอบของสภามหาวิทยาลัย
(3) ผลการประเมินของรายวิชาหรือกลุ่มวิชาที่จะเทียบโอนประสบการณ์และความรู้ ได้ต้ยงได้ไม่ต่ํากว่าเกรด C หรือค่าระดันกระแนน 2.op จากระบบ 4 ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า ทั้งนี้จะไม่มีการนําผล การประเมินมาคํานวณเป็นคําระดับคะแนนเฉลี่ย (Grade Point Average : GPA) และระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade-Point Average : CGPA)
(4) การบันทึกผลการเรียนให้บันที่กตามวิธีการประเมินซึ่งเป็นไปตามประกาศของ มหาวิทยาลัย
(5) การเทียบรายวิชาหรือกลุ่มรายวิชาจากการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตาม ขัธยาศัยให้เทียบโอนหน่วยกิตได้รวมกันไม่เกินสามในสี่ของจํานวนหน่วยกิตรวมตลอดของหลักสูตรที่ขอเทียบโอน ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อกําหนด ข้อบังคับ และประกาศของสภามหาวิทยาลัย
(6) นิสิตที่ได้รับการเทียบโอนประสบการณ์และความรู้ จะ ต้องใช้เวลาศึกษาอยู่ใน มหาวิทยาลัยอย่างน้อยหนึ่งปีการศึกษา หรือ 2 ภาคการศึกษาปกติ
(7) ให้นิสิตปั่นคําร้องขอเทียบโยนประสบการณ์และความรู้ต่อสํานักวิชาการให้เสร็จ สิ้นภายในภาคการศึกษานั้นๆ
ข้อ 14 ประเภทของสภาพนิสิต มี 2 ประเภท คือนิสิตสภาพปกติและนิสิทสภาพวิทยาทัณฑ์
14.1 นิสิตสภาพปกติ ได้แก่
14.1.1 นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนทุกภาคการศึกษาตามที่กําหมุดไว้ในหลักสูตร
14.1.2 นิสิตที่ระยบได้ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Curmulative Gracle Point Average : CGPA) ไม่ต่ํากว่า 2.90 จากระบบ 4 ระดับคะแนน
14.1.3 นิสิตจากสถาบันอื่นที่ลงทะเบียนเรียนบางรายวิชาที่มหาวิทยาลัยเปิดสอน
14.2 นิสิตสภาพวิทยาทัณฑ์ ได้แก่ นิสิตที่สอบได้ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Curmulative GradePoint Average : CGPA) ตั้งแต่ 1.50 ถึง 1.9g จากระบบ 4 ระดับคะแนน
ข้อ 15 การลงทะเบียนเรียน
15.1 การกําหนดวันและวิธีการลงทะเบียนเรียนในแต่ละภาคการศึกษาให้เป็นไปตามประกาศของ มหาวิทยาลัย
15.2 นิสิตสยะพปกติให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิตและไม่เกิน 22 หน่วยกิตในแต่ละ ภาคการศึกษาปกติ สําหรับภาคการศึกษาฤดูร้อนให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 9 หน่วยกิต ยกเว้นนิสิตที่จะสําเร็จ การศึกษาตามหลักสูตรในภาคการศึกษานั้นๆ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณบดีให้ลงทะเบียนเรียนได้ และเสนอ อธิการบดีเพื่อทราบต่อไป
15.3 นิสิตสภาพวิทยาทัณฑ์ ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 15 หน่วยกิตในแต่ละภาคการศึกษาปกติ และ ไม่เกิน 6 หน่วยกิตในภาคการศึกษาฤดูร้อน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณบดีและเสนออธิการบดีเพื่อทราบ ต่อไป
,
15.4 นิสิตสามารถลงทะเบียนเรียนที่สถาบันอื่น และนิสิตต่างสถาบันสามารถลงทะเบียนเรียนใน มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นได้ ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามประกาศมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นเรื่องการศึกษาข้ามสถาบัน
15.5 การลงทะเบียนเรียนรายวิชาใดเป็นพิเศษโดยไม่นับหน่วยกิต ในลักษณะเป็นผู้ร่วมฟังการ บรรยาย นิสิตอาจกระทําได้ แต่ทั้งนี้จํานวนหน่วยกิตที่ลงทะเบียนเรียนทั้งหมดของภาคการศึกษานั้นๆ จะต้องไม่เกิน 22 หน่วยกิตสําหรับนิสิตสภาพปกติ และไม่เกิน 15 หน่วยกิตสําหรับนิสิตสภาพวิทยาทัณฑ์ ที่ระบุไว้ในช% 15.2 หรือ
15.3
15.6 การลงทะเบียนเรียนจะต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาและเป็นไปตามประกาศ ของมหาวิทยาลัย
15.7 การลงทะเบียนเรียนจะครบถ้วนสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ชําระค่าลงทะเบียน ค่าบํารุงและ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว นิสิตผู้ใดชําระค่าลงทะเบียน ค่าบํารุงและค่าธรรมเนียมต่างๆ ภายหลังวันที่มหาวิทยาลัยกําหนด จะต้องชําระค่าธรรมเนียมล่าช้าตามประกาศมหาวิทยาลัย กรณีที่นิสิตลงทะเบียน เรียนไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ในภาคการศึกษาใดภายในกําหนดตามประกาศของมหาวิทยาลัยจะไม่มีสิทธิ์เรียนในภาค การศึกษานั้น เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิการบดีเป็นการนีไป
15.8 นิสิตที่จะสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรและเหลือรายวิชาเรียนตามหลักสูตรมีจํานวนหน่วยกิต น้อยกว่าเกณฑ์ที่กําหนดไว้คือน้อยกว่า 9 หน่วยกิต ในข้อ 15.2 ให้ลงทะเบียนเรียนเท่าจําหนวนหน่วยกิตที่เหลือได้
ข้อ 16 การขอเพิ่ม ขอลด หรือขอถอนรายวิชา (ติด 'N)
16.1 การขอเพิ่มรายรีชา กระทําได้ภายใน 2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปกติ หรือภายในสัปดาห์ แรกของภาคการศึกษาฤดูร้อน
16.2 การขยลตรายวิชา กระทําได้ภายใน 2 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปก หรือภายในสัปดาห์ แรกของภาคการศึกษาฤดูร้อน และรายวิชาที่ขอลดนี้จะไม่บันทึกในใบรายงานผลการศึกษา
16.3 การขอถอนรายวิชา (ติด W) 1กระทําได้หลังจาก 2 สัปดาห์แรธาของภาคการศึกษาปกติ และไม่ เกิน 12 สัปดาห์แรกของภาคการศึกษาปกติ หรือหลังจากสัปดาห์แรกของภาคการศึกษาฤดูร้อน แต่ไม่เกิน 4 สัปดาห์ นับจากวันเริ่มการเรียนของภาคการศึกษาฤดูร้อน และรายวิชาที่เพิกถอนจะบันทึก V ในรายงานผลการศึกษา
16.4 การขอเพิ่ม ขอลด หรือขอถอนรายวิชา (ติด พ) นั้น จํานวนหน่วยกิตรวมหสั่งจากการเพิ่ม ลด หรือ ถอนรายวิชา (ติด พ) แล้วจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่ระบุไว้คือไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิตและไม่เกิน 22 หน่วยกิตในแต่ละ ภาคการศึกษาปกติ และไม่เกิน 9 หน่วยกิตในภาคการศึกษาฤดูร้อน ดังรายละเอียดในข้อ15.2 สําหรับนิสิตสภาพ ปกติ หรือไม่เกิน 15 หน่วยกิตในแต่ละมายการศึกษาปกติ และไม่เกิน 6 หน่วยกิตในภาคการศึกษาฤดูร้อน ดัง รายละเอียในข้อ15.3 สําหรับนิสิตสาทพวิทยาทัณฑ์
ข้อ 17 นิสิษเห้องชําระค่าบํารุงการศึกษา และค่บรรมเนียมการศึกษาตามจํานวนและระยะเวลาที่มหาวิทยาลัย ที่กําหนดตามประกาศมหาวิทยาลัย
ข้อ 18 มกรขอคืนค่า8งทะเบียนเรียนรายวิชา
18.1 รายวิชาใตที่มหาวิทยาลัยประกาศงดการเรียนการสอนทั้งภาคการศึกษา นิสิตผู้ลงทะเบียนเรียน รายวิชานั้นมีสิทธิ์ขอเงินค่าลงทะเบียนรายวิชายังกล่าวคืนได้เต็มจํานวน
18.2 มหาวิทยาลัยขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าลงทะเบียนเรียนรายวิชาไม่ว่ากรณีใดๆ
18.3 กรณีที่นิสิตขอลดรายวิชา นิสิตสามารถลงทะเบียนเรียนรายวิชานี้ใหม่ได้โดยไม่ต้องชําระ ค่าลงทะเบียนเรียนใหม่ ทั้งนี้ นิสิตต้องชําระค่าธรรมเนียมตามประกาศของมหาวิทยาลัย
18.4 กรณีที่มีสีตขอถอนรายวิชา (ติด W) นิสิตที่จะลงทะเบียนเรียนรายวิชานี้ใหม่จะต้องชําระ ค่าลงทะเบียนเรียนใหม่และต้องชําระค่าธรรมเนียมตามประกาศของมหาวิทยาลัย
ข้อ 19 การลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนี้สึก
19.1 ในกรณีที่นิสิตไม่ได้ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษาปกติไม่ว่ากรณีใด ยกเว้นภาคการศึกษาฤดู ร้อน นิสิตต้องลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิตตามประกาศของมหาวิทยาลัยทุกภาคการศึกษา เพื่อรักษาสภาพนิสิต หาบนิสิตไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิตต่อเนื่องกัน 2 ภาคการศึกษาปกติตามกําหนด มหาวิทยาลัยจะให้นิสห พ้นสภาพการเป็นนิสิต
19.2 ทาวลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิตให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 4 นับจากวันเปิด ภาคการศึกษา
ข้อ20 การพักการเรียน
ให้การเรียน
นิสิตอาจยื่นคําร้องขออนุมัติลาพักการเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ในกรณีต่อไปนี้
20.1 ได้รับทุนแลกเปลี่ยนนิสิตระหว่างประเทศหรียได้รับทุนอื่นใด ซึ่งมหาวิทยาลัยเห็นสมควร สนับสนุน
20.2 เจ็บป่วยจนต้องพักรักษาตัวตามความเห็นของแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ชั้น 1 ที่รักษาเป็นเวลานานเกินกว่าร้อยละ 20 ของเวลาเรียนทั้งหมดในภาคการศึกษานั้น
20.3 มีเหตุจําเป็นส่วนตัวอื่นๆ ที่อธิการบดีเห็นสมควร
20.4 การมาพักการเรียน นิสิตต้องยื่นคําร้องต่อมหาวิทยาลัยโดยเร็วที่สุด เมื่อได้รับอนุมัติแล้วต้อง แจ้งให้งานทะเบียนทราบ
20.5 การลาพักการเรียนให้อนุมัติได้ครั้งละไม่เกิน 1 ภาคการศึกษา ถ้านิสิตยังมีความจําเป็นต้องขอ ลาพักการเรียนต่ยไปย์ก ให้ยื่นคําร้องขอมาพักการเรียนใหม่
20.6 ในกรณีที่นิสิตได้รับอนุมัติให้มาพักการเรียนให้นับระยะเวลาที่ลาพักรวม อยู่ในระยะเวลา การศึกษาด้วย
20.7 ในระหว่างที่ได้รับอนุมัติให้ลาพักการเรียนนิสิตต้องชําระค่าบํารุง และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตาม ประกาศมหาวิทยาเสยทุกภาคการศึกษาปกติ เพื่อรักษาสภาพนี้สีตอย่างต่อเนื่องกัน2 ภาพการศึกษาปกติตามกําหนด หากนิสิตไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิตต่อเนื่องกัน 2 ภาคการศึกษาปกติตามกําหนด จะพ้นสภาพนิสิตตาม เกณฑ์ที่ระบุไว้ในข้อ 19.1
ข้อ 21 เวลาเรียน นิสิตที่มีสิทธิ์จะได้รับการวัดและการประเมินผลการศึกษาในรายวิชาใดๆ จะต้องมีเวลาเรียน ในรายวิชานั้นๆ ไม่ต่ํากว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดของรายวิชานั้น ในกรณีที่นิสิตมีเวลาเรียนต่ํากว่าที่กําหนด มหาวิทยาลัยอาจพิจารณาอนุญาตหรียไม่อนุญาตให้ได้รับการวัดและการประเมินผลการศึกษาก็ได้ ทั้งนี้ อาจารย์ ผู้สอนในรายวิชานั้นต้องเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา
ข้อ 22 ระบบการประเมินผลการศึกษา
22.1 การประเมินผลการศึกษาของแต่ละรายวิชา ให้ใช้ระบบ 4 ระดับคะแนน โดยแบ่งค่าระดับ คะแนนเป็น 8 ช่วงคะแนน ดังนี้
ค่าระดับคะแนน 4.00 ดีเลิศ (Exceptional) 3.50
ดีมาก (Very Good) 5.00
ดี (Gold) 2.50
ค่อนข้างดี (Fairy 2.00
พอใช้ (Statiurltry) 1.50
ค่อนข้างอ่อน (Quite pour) 1.00
อ่อนมาก (Very Poor) 0 ตก (Fail) โดยจะกระทําได้ในกรณีดังต่อไปนี้
22.1.1 ในรายวิชาที่นิสิตเข้าสยบและหรือมีผลงานที่ประเมินได้เป็นระดับชั้น
22.1.2 เปลี่ยนจาก 1 ก่อนเสร็จสิ้นภายในภาคการศึกษาถัดไปที่นิสิตลงทะเบียน
22.1.3 เปลี่ยนจาก IP ยกเว้นรายวิชาโครงงาน หรือกิจกรรมอื่นที่ได้รับมอบหมาย
22.2 นอกจากค่าระดับคะแนนระบบ 4 ระดับคะแนนตามข้อ22.1 แล้ว ยังอาจประเมินผลการศึกษา รายวิชาใดโดยไม่มีค่าระดับคะแนนได้ดังนี้ความหมาย WA RD RC เกรด ยังไม่สมบูรณ์ (Incomplete) พอใจ (Satisfactory) พอใจมาก (Outstanding) ยังไม่พอใจ (unsratisfixtory) ถอนรายวิชา (withdrawal} รายวิชาที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องลงทะเบียน (Waive) การศึกษายังไม่สิ้นสุด (In Progress) รายวิชาที่ได้ลงทะเบียนเรียนซ้ําในรายวิชาที่ได้ E RD รายวิชาที่ได้ลงทะเบียนเรียนเน้นในรายวิชาที่ใต้ D รายวิชาที่ได้ลงทะเบียนเรียนเน้นในรายวิชาที่ได้ D4 รายวิชาที่ได้ลงทะเบียนเรียนเน้นในรายวิชาที่ได้ C RCH รายวิชาที่ได้ลงทะเบียนเรียนเน้นในรายวิชาที่ได้ C+ รายวิชาที่ได้รับการเทียบโยน รายวิชาที่ได้รับการเทียบโอนโดยการทดสอบมาตรฐาน CE รายวิชาที่ได้รับการเทียบโอนโดยการทดสอบที่ไม่ใช่การทดสอบมาตรฐาน CT รายวิชาที่ได้รับการเทียบโอนโดยการประเมินการศึกษาหรือการอบรม CP รายวิชาที่ได้รับการเทียบโอนโดยการจัดทําแฟ้มสะสมงาน
22.3 การให้เกรตที่ไม่มีต่ระดับคะแนน
22.3.1 การให้เกรติ จะกระทําได้ในกรณีที่นิสัยยังทํางานที่เป็นส่วนประกอบของการศึกษาใน รายวิชานั้นยังไม่สมบูรณ์ หรือขาดสอบโดยเหตุสุดวิสัยซึ่งได้รับการอนุมัติให้สอบภายหลังได้ และอาจารย์ผู้สอน เห็นสมควรให้วยผลการศึกษาโดยความเห็นชอบของคณบดี แต่ทั้งนี้จะต้องดําเนินการเพื่อชดเปลี่ยนเทรต ! ให้เสร็จสิ้น วภายในภาคการศึกษาถัดไปที่นิสิตสงทะเบียนเรียน มินะนั้นเกรด 1 จะเปลี่ยนเป็นเกรด F หรือ U แล้วแต่กรณีโดย จัตโนมัติ
22.3.2 การให้เกรด S จะกระทําได้เมื่อผลการประเมินเป็นที่พอใจในรายวิชาที่หลักสูตรกําหนด ไว้ว่ามีการประเมินผลอย่างไม่มีค่าระดับคะแนน หรือรายวิชาที่นิสิตขอลงทะเบียนเรียนเป็นพิเศษโดยไม่นับหน่วยกิต
22.3.3 การให้เกรด 0 จะกระทําได้เมื่อผลการประเมินเป็นที่พอใจมากในรายวิชาที่หลักสูตร กําหนดไว้ว่ามีการประเมินผลอย่างไม่มีค่าระดับคะแนน หรือรายวิชาที่นิสิตขอลงทะเบียนเป็นพิเศษโดยไม่นับหน่วยกิต
22.3.4 การให้เปรต บ จะกระทําได้เมื่อการประเมินผลไม่เป็นที่พอใจในรายวิช"เที่หลักสูตร กําหนดไว้ว่ามีการประเมินผลอย่างไม่มีล่าระดับคะแนน หรือรายวิชาที่ฉลิตขอลงทะเบียนเรียนเป็นพิเศษโดยไม่นับเป็น หน่วยกิต หรือรายวิชาที่นิสิตไม่สาม"เรถเปลี่ยนเกรด ได้ตามกําหนด
22.3.5 การให้เกรต w จะกระทําได้หลังจากที่นิสิตได้รับการอนุมัติให้ขอถอนรายวิชาตาม ข้อ 16.3 หรียโสตลาพักการศึกษา หรือถูกสั่งพักการศึกษาในภาคการศึกษานั้น
22.3.6 การให้เกรด WA จะกระทําได้เมื่อหลักสูตร หรือประกาศมหาวิทยาลัย กฎระเบียบ หรือ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องสามารถให้ดําเนินการได้
22.3.7 การให้เกรด IP จะกระทําเมื่อสิ้นภาคการศึกษาที่นิสิตลงทะเบียนเรียนในรายวิชาที่รง การสอนและหรือการทํางานอย่างต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 2 ภาคการศึกษาปกติ
22.3.8 การให้เกรต R จะกระทําได้ในกรณีที่มีการลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือเวียนเน้นเนื่องจาก ผลการเรียนในรายวิชาดังกล่าวได้เกรต F, D, D, C หรือ C. เมื่อผลการเรียนของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือ เรียนเน้นใหม่นั้นเป็นเกรด A, B1, B, C, C, D, D หรอ F ให้เปลี่ยนผลการเรียนในรายวิชาเต็มที่อยู่ในภาคการศึกษา นั้นๆ เป็น RF, RD, R124, RC หร์ด RC4
22.4 การให้เกรด F นอกเหนือจากระบบ 4 ระดับคะแนน ตามข้อ 22.1 แล้ว จะกระทําได้ในกรณี
ต่อไปนี้
22.4.1 ในรายวิชาที่นิสิตไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสอบ เนื่องจากมีเวลาเรียนในรายวิชานั้นๆ น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมดของรายวิชานั้นตามข้อ 21
22.4.2 เมื่อนิสิตกระทําผิดระเบียบการสอบ และได้รับการตัดสินให้ได้เกรด 5 เนื่องจากนิสิตที่ ทําการทุจริตด้วยประการใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับการสอนทุกชนิด ตามข้อ 26.3
22.4.3 เปลี่ยนจากเกด หรือเกรด IP
22.4.4 นิสิตที่ขาดสัดบและไม่ได้ติดต่อขอสอบทดแทนภายในระยะเวลาที่มหาวิทยาลัยกําหนด
22.5 การให้เกรด TR จะกระทําได้ในกรณีซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเทียบวิชาเรียนและ โอนหน่วยกิตในข้อ 13
22.6 การให้เกรด CS จะกระทําได้ในกรณีที่มีการเทียบโอนรายวิชาหรือกลุ่มวิชาจากความรู้และ ประสบการณ์ โดยนิสิตสามารถผ่านการทดสยบมาตฐาน ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย
22.7 การให้เกรด CE จะกระทําได้ในกรณีที่มีการเทียบโอนรายวิชาหรือกลุ่มวิชาจากความรู้และ ประสบการณ์ โดยนิสิตสามารถผ่านการทดสอบที่ไม่ใช่การทดสอบมาตรฐาน ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ มหาวิทยาลัยกําหนด
22.8 การให้เกรด CT จะกระทําได้ในกรณีที่มีการเทียบโอนรายวิชาหรือกลุ่มวิชาจากความรู้และ ประสบการณ์ โดยนิสิตผ่านการฝึกอบรม ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกําหนด
22.9 กรให้เกรด CP จะกระทําได้ในกรณีที่มีการเทียบโอนรายวิชาหรือกลุ่มวิชาจากความรู้และ ประสบการณ์ โดยนิสิตสามารถผ่านการประเมินด้วยแฟ้มสะสมงามของนิสิต ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ มหาวิทยาลัยกําหนด
ข้อ 23 การประเมินผลการศึกษาและการคํานวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ย
25. การประเมินผลการศึกษาให้กระทําเมื่อสิ้นสุดการศึกษานต่ละภาคการศึกษา
23.2 การคํานวณต่าระดับคะแนนเฉลี่ย ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยมี 2 ประเภท ซึ่งคํานวณได้ ดังนี้
23.2.1 ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยประจําภาค (Grade-Point Average : GPA) ให้คํานวณผลการ เรียนของนิสิตในแต่ละภาคการศึกษาโดยนําผลรวมของผลคูณของจํานวนหน่วยกิตกับค่าระดับคะแนนที่นิสิตได้รับใน แต่ละรายวิชาเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยผลรวมซองจํานวนหน่วยกิตทั้งหมดที่ลงทะเบียนในภาคการศึกษานั้น
23.2.2 ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade. Point Average : CGPA) ให้ตํานาน จากผลการเรียนของนิสิตตั้งแต่เริ่มเข้าเศีกษาจนถึงภาคการศึกษาที่กําลังคํานวณ โดยนําผลรวมซองผลคูณของจํานวน หน่วยกิตกับค่าระดับคะแนนที่นิสิตได้รับในแต่ละรายวิชาเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยผลรวมของจํานวนหน่วยกิตทุก รายวิชาที่ใช้คํานวณ
23.3 การคํานวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Curmulative Grade-Point Average : CGPA) ให้ คํานวณเป็นค่าที่มีเลขทศนิยม 2 ตําแหน่ง หากทศนิยมตําแหน่งที่ 3 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 5 ให้สามารถนํามาปัดเศษเพิ่มขึ้นเป็น 1 แล้วนับรวมกับทศนิยมตําแหน่งที่สอง แต่หากทศนียมตําแหน่งที่ 3 มีค่าน้อยกว่า 5 ให้ตัดทศนิยม ตําแหน่งที่ 3 ออก
2.4 ในกรณีที่นิสิตได้เกรด | ในรายวิชาที่มีการวัดและประเมินผลเป็นระดับคะแนน ให้ราการ คํานวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยไว้ก่อน จนกว่ากาศ จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ข้อ 24 การลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือเรียนเน้น
24.1 จุสิตที่ได้รับเกรต F, ม หรือ w ในรายวิชาบังคับ นิสิตจะต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชานั้นซ้ําอีก จนราว่าจะได้รับเกรดเป็น A, B4, B, C+, C, D, D หรือ S
24.2 นิสิตที่ได้รับเกรด F. 0 หรือ w ในรายวิซาเมียก นิสตจะลงทะเบียนเรียนรายวิชานั้นซ้ําอีกหรือ เสือเรียนรายวิชาเสียงอื่นแทนได้
21.3 นอกจากที่กล่าวมาแล้วในข้อ 24.1 และข้อ 21.2 นิสิตอาจลงทะเบียนเรียนในรายวิชาที่ได้รับ ), D+C ,C+ อีกครั้งก็ได้ การลงทะเบียนเรียนตามที่กล่าวนี้เรียกว่า "การเรียนเน้น”
24.4 ในการลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือเรียนเน้น จะได้รับการแก้ไขเกรดในรายวิชวนั้น การคํานวณค่า ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (CuI1ulative Grade-Point Average : CGPA) ให้สีต่างระดับคะแนนที่ได้รับการแก้ไขนั้นแทน โดยคิดคํานวณหน่วยกิตเพียงครั้งเดียว
ข้อ 23 การประเมินผลการศึกษาและการคํานวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ย
25. การประเมินผลการศึกษาให้กระทําเมื่อสิ้นสุดการศึกษานต่ละภาคการศึกษา
23.2 การคํานวณต่าระดับคะแนนเฉลี่ย ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยมี 2 ประเภท ซึ่งคํานวณได้ ดังนี้
23.2.1 ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยประจําภาค (Grade-Point Average : GPA) ให้คํานวณผลการ เรียนของนิสิตในแต่ละภาคการศึกษาโดยนําผลรวมของผลคูณของจํานวนหน่วยกิตกับค่าระดับคะแนนที่นิสิตได้รับใน แต่ละรายวิชาเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยผลรวมซองจํานวนหน่วยกิตทั้งหมดที่ลงทะเบียนในภาคการศึกษานั้น
23.2.2 ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade. Point Average : CGPA) ให้ตํานาน จากผลการเรียนของนิสิตตั้งแต่เริ่มเข้าเศีกษาจนถึงภาคการศึกษาที่กําลังคํานวณ โดยนําผลรวมซองผลคูณของจํานวน หน่วยกิตกับค่าระดับคะแนนที่นิสิตได้รับในแต่ละรายวิชาเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยผลรวมของจํานวนหน่วยกิตทุก รายวิชาที่ใช้คํานวณ
23.3 การคํานวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Curmulative Grade-Point Average : CGPA) ให้ คํานวณเป็นค่าที่มีเลขทศนิยม 2 ตําแหน่ง หากทศนิยมตําแหน่งที่ 3 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 5 ให้สามารถนํามาปัดเศษเพิ่มขึ้นเป็น 1 แล้วนับรวมกับทศนิยมตําแหน่งที่สอง แต่หากทศนียมตําแหน่งที่ 3 มีค่าน้อยกว่า 5 ให้ตัดทศนิยม ตําแหน่งที่ 3 ออก
23.4 ในกรณีที่นิสิตได้เกรด | ในรายวิชาที่มีการวัดและประเมินผลเป็นระดับคะแนน ให้ราการ คํานวณค่าระดับคะแนนเฉลี่ยไว้ก่อน จนกว่ากาศ จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ข้อ 24 การลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือเรียนเน้น
24.1 จุสิตที่ได้รับเกรต F, ม หรือ w ในรายวิชาบังคับ นิสิตจะต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชานั้นซ้ําอีก จนราว่าจะได้รับเกรดเป็น A, B4, B, C+, C, D, D หรือ S
24.2 นิสิตที่ได้รับเกรด F. 0 หรือ w ในรายวิซาเมียก นิสตจะลงทะเบียนเรียนรายวิชานั้นซ้ําอีกหรือ เสือเรียนรายวิชาเสียงอื่นแทนได้
21.3 นอกจากที่กล่าวมาแล้วในข้อ 24.1 และข้อ 21.2 นิสิตอาจลงทะเบียนเรียนในรายวิชาที่ได้รับ ), D+C ,C+ อีกครั้งก็ได้ การลงทะเบียนเรียนตามที่กล่าวนี้เรียกว่า "การเรียนเน้น”
24.4 ในการลงทะเบียนเรียนซ้ําหรือเรียนเน้น จะได้รับการแก้ไขเกรดในรายวิชวนั้น การคํานวณค่า ระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (CuI1ulative Grade-Point Average : CGPA) ให้สีต่างระดับคะแนนที่ได้รับการแก้ไขนั้นแทน โดยคิดคํานวณหน่วยกิตเพียงครั้งเดียว
ข้อ 25 การจําแนกสภาพนิสิต
25.1 การจําแนกสภาพนิสิตจะกระทําเมื่อสิ้นภาคการศึกษาปกติ หรือเมื่อสิ้นภาคการศึกษาฤดูร้อน สุดท้ายสําหรับนิสิตที่ศึกษาครบตามหลักสูตรและมีคุณสมบัติครบถ้วนก่อนที่จะได้รับปริญญา เว้นแต่นิสิตที่เข้าศึกษา เป็นภาคการศึกษาแรก ให้จําแนกสภาพนิสิตเมื่อสิ้นปีการศึกษานับตั้งแต่เริ่มเข้าศึกษา
25.2 ผลการเรียนในภาคการศึกษาฤดูร้อน ให้นําไปรวมกับผลการเรียนในภาคการศึกษาที่ 1 และ ภาคการศึกษาที่ 2 ที่นิสิตผู้นั้นได้ลงทะเบียนเรียนและมีจํานวนหน่วยกิตเพื่อคํานวณในการจําแนกสภาพนิสิต
25.3 การจําแนกสภาพนิสิตให้พิจารณาว่าเป็นนิสิตสภาพปกติหรือนิสิตสภาพวิทยาทัณฑ์ตาม หลักเกณฑ์ในข้อ 14 1ประเภทของสภาพนิสิต
ข้อ 26 การลงโทษนิสิตผู้กระทําความผิด
26.1 นิสิตที่ทําการทุจริตด้วยประการใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับการสยบทุกชนิด ให้ได้รับเกรด F ในรายวิชา ที่กระทําผิดระเบียบการสอบ ส่วนรายวิชาอื่นที่นิสัยผู้นั้นสงทะเบียนเรียนไว้ ถ้าเป็นรายวิชาที่สอบมาแล้วให้ได้ผลการ เรียนตามที่สอบได้จริง ถ้าเป็นรายวิชาที่ยังไม่ได้สอบก็ให้ดําเนินการสอบตามปกติและให้ได้ผลการเรียนตามที่สยบได้ จริง และหรือพิจารณาสั่งพักการศึกษานิสิตผู้นั้นอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา และหรียยาจให้พ้นสภาพ นี้มีตก็ได้
26.2 ถ้านิสิตกระทําผิดหรือร่วมกระทําผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา ให้คณะกรรมการประจําคณะ วิชาที่นิสิตสังกัดอยู่เป็นผู้พิจารณาลงโทษตามควรแก่กรณี โดยคณบดีของคณะวิชาที่นิสิตสังกัดอยู่เป็นผู้พิจารณา ลงโทษตามมติของคณะกรรมการประจําคณะวิชา และแจ้งมหาวิทยาลัยเพื่อดําเนินการต่อไป
26.3 การพักการศึกษาของนิสิตตามคําสั่งให้เริ่มเมื่อสิ้นสุดการการศึกษาที่กระทําผิดนั้น โดยให้มี ระยะเวลาการลงโทษต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ ให้นับระยะเวลาที่ถูกสั่งพักการ ศึกษาเข้าเป็นระยะเวลาการศึกษา และนิสิตที่ ถูกพักการศึกษาจะต้ยงชําระค่าลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิตตามประกาศมหาวิทยาลัยทุกภาคการศึกษาปกติ เพื่อ รักษาสภาพนิสิตอย่างต่อเนื่องกัน 2 ภาคการศึกษาปกติตามกําหนด หากนิสิตไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิต ต่อเนื่องกัน 2 ภาคการศึกษาปกติตามกําหนด ระพ้นสภาพนิสิตตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ในข้อ 19.1
ข้อ 27 การพ้นสภาหนิสิต นิสิตจะพ้นสภาพการเป็นนิสิต ในกรณีดังต่อไปนี้
27.1 เมื่อศึกษาครบตามหลักสูตร และได้รับอนุมัติให้สําเร็จการศึกษาแล้ว
27.2 เมื่อได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัยให้ลาออก โดยได้ปฏิบัติตามระเบียบต่างๆ อย่างครบถ้วน และ ไม่มีหนี้สินใดๆ ต่อมหาวิทยาลัย
27.3 เมื่อมีการจาแนกสภาพการเป็นนิสิตและได้ค่าระดับคะแนนเนลี่ยสะสม (Cumulative GradePoint Average : CGPA) ต่ํากว่า 1.50 จากระบบ! 1 ระดับคะแนน
27.4 เมื่อเป็นนิสิตสภาพวิทยาทัณฑ์แล้วมีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade Point Average : CGPA) ต่ํากว่า 1.80 จากระบบ 4 ระดับคะแนน สองภาคการศึกษาปกติที่มีการจําแนกสภาพการเป็นนิสิต ต่อเนื่องกัน
27.5 เป็นนิสิตสกาเพวิทยาทัณฑ์ 4 ราศรารศึกษาปกติต่อเนื่องกันแล้วยังไม่พ้นสภาพวิทยาทัณฑ์
27.6 เมื่อมีระยะเวลาการศึกษาครบ 12 ปีการศึกษาสําหรับหลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษา หรือ มีระยะเวลาการศึกษาควน 8 ปีก1วศึกษาสําหรับหลักสูตร 4 ปี"เรศึกษา แต่มีจํานวนหน่วยริตสอบได้ไม่ครบตาม หลักสูตรหรือมีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Curlative Grade-Point Average : CGPA) ต่ํากว่า 2.00 หรือไม่สําเร็จ การศึกษาตามหลักสูตรภายในระยะเวลาที่กําหนดตามหลักสูตร
27.7 เมื่อมหาวิทยาลัยให้พ้นสภาพนิสิตตามข้อ 19.1 ที่กําหนดให้นิสิตพ้นสภาพเมื่อนิสิตไม่ได้ ลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพนิสิตต่อเนื่องกัน 2 ภาคการศึกษาปกติตามกําหนด
27.8 เมื่อทําผิดระเบียบอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยประกาศให้พ้นสภาพการเป็นนิสิต
27.9 ตรวจสอบพบในภายหลังว่า
27.9.1 แสดงเอกสารหลักฐานการสมัครเข้าเป็นนิสิตอันเป็นเท็จ หรือปลอมแปลงเอกสาร หลักฐานดังกล่าว
27.9.2ขาดคุณบัติของผู้สมัครเข้าเป็นนิสิตตามข้อ 11.1
27.10 เสียชีวิต
ข้อ 28 การคืนสภาพนิสิต ผู้ที่พ้นสภาพนิสิตโดยการลาออกหรือพ้นสภาพนิสิตเนื่องจากนิสิตไม่ได้ลงทะเบียน เพื่อรักษาสภาพนิสิตต่อเนื่องกัน 2 ภาคการศึกษาปกติตามกําหนดตามข้อ 19.1 มีความประสงค์ที่จะขอกลับเข้าศึกษา ในมหาวิทยาลัย สามารถยื่นคําร้องต่ออธิการบดีเพื่อขอคืนสภาพนิสิตได้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย ที่กําาหนดไว้
ข้อ 29 คุณสมบัติของผู้สําเร็จการศึกษา
29.1 มีระยะเวลเบารศึกษาในมหาวิทยาลัย
29.1.1 หลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษา ต้องศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 10 ภาค การศึกษาปกติหรือ 5 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 24 ภาคการศึกษาปกติ หรือ 12 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วัน ลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพตามข้อ 6.1
29.1.2 หลักสูตร 5 ปีการศึกษา ต้องศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 8 ภาคการศึกษาปกติ หรือ 4 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 20 วิเคการศึกษาปกติหรื่อ 10 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียน ครั้งแรบในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพตามข้อ 8.229.1.3 หลักสูตร 4 ปีการศึกษา ต้องศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 6 ภาคการศึกษาปกติ หรือ 3 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 15 ภาคการศึกษาปกติหรือ 8 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรก ในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ ตามข้อ 8.3
29.2 ศึกษาและสยบได้ครบตามจํานวนหน่วยกิตที่กําหนดไว้ในหลักสูตร"
29.3 ได้ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Curmulative Grade - Point Average: CGPA) ตลอดหลักสูตร ไม่ต่ํากว่า 2.0 จากระบบ 4 ระดับคะแนน
29.4 ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัย
29.5 สามารถสือบผ่านเกณฑ์มาตรฐานการสอบรวบยอด (Comprehensive Exam) หรือ Exil Exam ตามชัยบังคับ ระเบียบ และประกาศของมหาวิทยาลัย
ข้อ 30 นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนและสอบได้หน่วยกิตครบตามหลักสูตรระดับปริญญาตรี (ไม่น้อยกว่า 6 ปี หรือ 5 ปี หรือ 4 ปี) แล้ว แต่ได้ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative (Grade-Point Average : CCGPA) ต่ํากว่า 2.00 จาก ระบบ 4 ระดับคะแนน ทั้งนี้ต้องมีค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade Point Average : CGPA) ไม่ต่ํากว่า 1.75 จากระบบ 4 ระดับคะแนน จึงมีสิทธิ์ได้รับอนุปริญญา ทั้งนี้ให้เป็นไปตามข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศของ มหาวิทยาลัย
ข้อ 31 การให้ปริญญาเกียรตินิยม นิสิตที่จะได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับปริญญาเบียรตินิยม ต้องมีคุณสมบัติ ของผู้สําเร็จการศึกษาตามข้อ 29 และคุณสมบัติอื่นๆ ครบถ้วนทุกประการ ดังนี้
31.1 เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ให้แก่นิสิตที่มีคุณสมบัติดังนี้
31.1.1 ได้ศึกษารายวิชาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยมาโดยตลอดครบตามหลักสูตรภายในระยะเวลา การศึกษาที่กําหนด ต้องศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 19 ภาคการศึกษาปรกติหรีอ 5 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลา ศึกษาไม่เกิน 24 ภาคการศึกษาปกติ หรือ 12 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไป ตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพตามข้อ 8.1 สําหรับหลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษา ไม่น้อยกว่า 8 ภาคการศึกษาปกติหรือ 4 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 20 ภาคการศึกษาปกติหรือ 10 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ ตามข้อ 8.2 สําหรับหลักสูตร 5 ปีการศึกษา และไม่น้อยกว่า 6 ภาคการศึกษาปกติหรือ 3 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 16 ภาคการศึกษาปกติหรือ 8 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตร หรือเป็นไปตามมาตรฐานการ จัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ ตามข้อ 8.3 สําหรับหลักสูตร 4 ปีการศึกษา ทั้งนี้ไม่นับรวมระยะเวลาที่นิสิตสวพัก การศึกษาหรือมีเหตุจําเป็นอย่างอื่นที่อธิการบดีเห็นสมควร
31.1.2 ได้ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulkalive Grade-Point Average : (GPA) ของทุก รายวิชาไม่น้อยว่า 3.50 จากระบบ 4 ระดับคะแนน
31.1.3 สอนได้หน่วยกิตครบตามหลักสูตร โดยทุกรายวิชาไม่เคยได้เกรด F, D, D+ หรือ และ ไม่เคยเรียนหยเรียนเน้นในรายวิชาใดๆ
31.1.4 ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัย และ
31.1.5 สามารถสอบผ่านเกณฑ์มาตรฐานการสอบรวบยอด (Comprehensive Exam) หรือ Exit Exam ตามนอบังคับ ระเบียบ และประกาศของมหาวิทยาลัย
31.2 เกียรตินิยมอันดับสอง ให้แก่นิสิตที่มีคุณสมบัติดังนี้
31.2.1 ได้ศึกษารายวิชาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยมาโดยตลยดครบตามหลักสูตรภายในระยะเวลา การศึกษาที่กําหนดคือ ต้องศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่น้อยกว่า 1 ภาคการศึกษาปกติหรีย 5 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลา ศึกษาไม่เกิน 24 ภาคการศึกษาปกติ หรับ 12 ปีกศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไป ตามมาตรฐานการจัดเรศึกษาขององค์กรวิชาชีพตามข้อ 8.1 สําหรับหลักสูตรไม่น้อยกว่า 6 ปีการศึกษา ไม่น้อยกว่า 6 วาดการศึกษาปกติหรือ 4 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 20 ภาคการศึกษาปกติหรือ 10 ปีการศึกษา นับตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ ตามข้อ 8.2 สําหรับหลักสูตร 5 ปีการศึกษา และไม่น้อยกว่า 6 รอาคการศึกษาปกติหรือ 3 ปีการศึกษา แต่ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 16 ภาคการศึกษาปกติหรือ 8 ปีการศึกษา นั้นตั้งแต่วันลงทะเบียนครั้งแรกในหลักสูตรนี้ หรือเป็นไปตามมาตรฐานการ จัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพ ตามข้อ 8.3 สําหรับหลักสูตร 4 ปีการศึกษา ทั้งนี้ไม่นับรวมระยะเวลาที่นิสิตลาพัก การศึกษาหรือมีเหตุจําเป็นอย่างอื่นที่อธิการบดีเห็นสมควร
31.2.2 ได้ค่าระดับคะแนนเฉลี่ยสะสม (Cumulative Grade-Point Average : CGPA) ของทุก รายวิชาไม่น้อยกว่า 3.25 จากระบบ 4 ระดับคะแนน
31.2.3 สอบได้หน่วยกิตครบตามหลักสูตร โดยทุกรายวิชาไม่เคยได้เกรด F, D, D4 หรือ U และ ไม่เคยเรียนซ้ําหรือเรียนเน้นในรายวิชาใดๆ
31.2.4 ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียตลอดระยะเวลาที่ใกษาในมหาวิทยาลัย และ
31.2.5 สามารถสอบผ่านเกณฑ์มาตรฐานการสอบรวบยอด {Comprehensive Exam) หรือ Txit Exam ตามข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศของมหาวิทยาลัย
ข้อ 32 การอนุมัติการสําเร็จการศึกษาของนิสิต มหาวิทยาลัยจะพิจารณาเสนอชื่อนิสิตเฉพาะผู้มีคุณสมบัติ ของผู้สําเร็จการศึกษาครบตามข้อ 29 ข้อ 5) และพบข้อ 31 โดยให้ถือเอาวันที่คณะกรรมการวิชาการ มหาวิทยาลัย พิจารณาและอนุมัติให้สําเร็จการศึกษาเป็นวันสําเร็จการศึกษาของนิสิตผู้นั้น และมหาวิทยาลัยจะพิจารณาเสนอเพื่อ ขออนุมัติการให้ปริญญาบัตรต่อสภามหาวิทยาลัยต่อไป
ข้อ 33 การเฟื่องยนมารสําเร็จการศึกษาและปริญญาบัตร
เมื่อความปรากฏแก่สภามหาวิทยาลัยว่า นิสิตผู้สําเร็จการศึกษาที่ได้รับปริญญาบัตรแล้ว เป็นผู้ชาย คุณสมบัติหรือกระทําผิดที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในการเข้าศึกษา เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานในการจัดการศึกษาและ เป็นไปตามบทบัญญัติชองกฎหมายว่าด้วยการศึกษา ให้อธิการบดีโดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยดําเนินการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนในกรณีที่เกิดขึ้น และจัดทํารายงานข้อเท็จจริงเข้าสู่การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย โดยเร็วที่สุด หากผลการพิจารณาปรากฎชัดเจนว่า นิสิตผู้สําเร็จการศึกษาที่ได้รับปริญญาบัตรแล้ว เป็นผู้ขาด คุณสมบัติหรือกระทําผิดที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในการเข้าศึกษา ให้สรรามหาวิทยาลัยมีมติเพิกถอนปริญญาบัตรของ นิสิตผู้นั้น และให้ถือว่าคําวินิจฉัยของสภามหาวิทยาลัยเป็นที่สุด
ประกาศ ณ วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561